ประวัติ ของ เอเชียนเกมส์ 1998

คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 23 และ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 มีมติอนุมัติในหลักการให้กำหนดเป็นนโยบายบันได 3 ขั้น สู่การพัฒนากีฬาของชาติ โดยให้ประเทศไทยรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา 3 ระดับ ได้แก่ ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ และมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทย เสนอตัวรับเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 ต่อสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ)

หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในการที่ประเทศไทยขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 แล้ว คณะทำงานทุกท่านช่วยกันอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประแทศไทยฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมวางแผนมาเป็นระยะ ๆ และได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ เพื่อนำไปมอบให้ผู้แทนชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุมและที่สำคัญคณะทำงานได้จัดทำวีดิทัศน์ที่แสดงถึงความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อประกอบการบรรยายเสนอขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13

คณะกรรมการบริหารสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ได้ประชุมเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2533 ณ โรงแรมปักกิ่ง พาเลซทาวเวอร์ และมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้บรรจุวาระการประชุมเลือกประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 ในการประชุมใหญ่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียในวันรุ่งขึ้น โดยมีประเทศที่เสนอขอสมัครเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้รวม 3 ประเทศ คือ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย, กรุงไทเป ไต้หวัน

การประชุมใหญ่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ที่ประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งสิ้น 37 ประเทศ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2533 ณ โรงแรมปักกิ่ง โดยให้ผู้แทนของประเทศที่เสนอขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบรรยายเสนอผลงานการเตรียมตัวรับเป็นเจ้าภาพ (Presentation) ตามลำดับพร้อมทั้งตอบข้อซักถามของผู้แทนประเทศสมาชิกต่าง ๆ จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้มีการลงคะแนนลับเพื่อเลือกประเทศเจ้าภาพต่อไป

ผลการลงคะแนนเลือกประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ปรากฏดังนี้ [3]

  • กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ได้ 20 คะแนน
  • กรุงไทเป ไต้หวัน ได้ 10 คะแนน
  • กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ 7 คะแนน

ที่ประชุมจึงมีมติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 ต่อจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ได้จัดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์มากที่สุดถึง 4 ครั้ง คือ เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 ,เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 6 ,เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 8 และเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13

รัฐบาลไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 อย่างเป็นทางการเพื่อเตรียมการรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ขึ้นในปี พ.ศ. 2541 โดยมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมกับได้แต่งตั้งคณะกรรมการออกเป็น 6 สาขา เพื่อดำเนินงานเร่งด่วนในการก่อสร้างสนามรวมทั้งหมู่บ้านนักกีฬาเพื่อรองรับการจัดการแข่งขัน ได้แก่

  • คณะกรรมการดำเนินงานแข่งขัน
  • สำนักเลขาธิการ
  • คณะกรรมการจัดเตรียมสถานที่แข่งขัน
  • คณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศ
  • คณะกรรมการสิทธิประโยชน์
  • คณะกรรมการประชาสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของคณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ขึ้นใหม่ เพื่อให้ดำเนินงานเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมี นายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันฯ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ เป็น 9 ฝ่าย ภายใต้การดูแลของสำนักเลขาธิการ ได้แก่

  • ฝ่ายเทคนิคกีฬา
  • ฝ่ายสถานที่แข่งขันและที่พัก
  • ฝ่ายอำนวยการ
  • ฝ่ายการเงินและสิทธิประโยชน์
  • ฝ่ายพิธีการและการแสดง
  • ฝ่ายความปลอดภัยและระบบจราจร
  • ฝ่ายประชาสัมพันธ์
  • ฝ่ายเทคโนโลยี
  • ฝ่ายกิจกรรม